เห็นแล้วหิว เปิดเมนูสินค้าจีไอ จากเชฟมิชลิน สู่อาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ชวนนักชิม-กูรูอาหารชื่อดัง ร่วมพิสูจน์คุณภาพความอร่อย จากอาหารที่ผลิตจากสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (จีไอ) ไทย ในงาน “สัมผัสสำรับ GI สุดประณีตด้วยเชฟมิชลิน” เป็นความร่วมมือจากร้านวรรณยุค โดยฝีมือของเชฟชาลี กาเดอร์ เจ้าของรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ประเทศไทยคำพูดจาก คาสิโนออน

ทั้งนี้ ร้านวรรณยุค ร้านอาหารไทยระดับ Fine Dining ได้นำวัตถุดิบ GI ถึง 23 รายการ มารังสรรค์เป็นเมนูอาหารสุดพิเศษ ที่ผสมผสาน ความเป็นไทยและสากลได้อย่างลงตัว โดยขายได้ต่อหัวสูงถึงคอร์สละหลายพันบาท

  • น้ำพริกลงเรือจากไข่เค็มไชยา
  • หมูย่างมะขามเทศเพชรโนนไทย
  • ขนมเบื้องญวนไชโป๊โพธาราม
  • ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาย่าง
  • ยำปลาดุกร้าทะเลน้อยพัทลุงใส่มะพร้าวอ่อน
  • เนื้อโคขุนโพนยางคำเค็ม
  • ยำเนื้อมังคุดเขาคีรีวง ชูรสด้วยกระเทียมศรีสะเกษ หอมแดงศรีสะเกษ และพริกไทยจันท์

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า การเพิ่มมูลค่าด้วยสินค้า GI สุดท้ายจะสะท้อนกลับไปที่ชุมชน ชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาเข้าไปช่วยพัฒนาควบคุมคุณภาพ และหาช่องทางการตลาดที่จะโปรโมตสินค้า วันนี้จะให้ขึ้นไปอยู่ในระดับมิชลิน ในงานนี้ได้นำนักชิมและกูรูด้านอาหารชื่อดังของเมืองไทยมาร่วม เปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหารไทยระดับ Fine Dining และถ่ายทอดประสบการณ์สู่ผู้ชมในโลกออนไลน์ เผยแพร่อัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารไทย สร้างการรับรู้สินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ ที่นำมา มีผู้ติดตามรวมกันถึง 10 ล้านคนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

‘เดอะมอลล์’ แนะรัฐจัดเฟสติวัลทั่วไทยดูดท่องเที่ยว

น.ส.ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะเอกชนด้านค้าปลีกจึงอยากเสนอแนะรัฐบาลเปิดฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวในหลายประเทศ เพื่อดึงดูดให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทย พร้อมกับสร้างซอฟต์เพาเวอร์ด้วยการจัดงานเฟสติวัลสุดยิ่งใหญ่ โดยรวมกลุ่มทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จัดงานพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดความยิ่งใหญ่ น่าตื่นตา ตื่นใจ นำนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมารวมไว้ในประเทศไทยที่เดียว อย่าจัดงานแบบกระจายเพราะมีขนาดเล็กความน่าสนใจน้อยคำพูดจาก สล็อตทรูวอเลท

“เราต้องทำให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไทยแล้วสนุกอยากนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในประเทศเรา ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเองแบบส่วนตัว ฉะนั้นจึงต้องมีความพร้อมทั้งด้านคน โรงแรม ร้านอาหาร และวัฒนธรรม โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่สนุกและเป็นเมืองไม่หลับใหล อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้เงินได้ 24 ชั่วโมง เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น จากปกติที่ปิดบริการตี 2 ก็เปลี่ยนเป็นปิดตี 4 ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้แก่คนค้าขายปัจจุบันที่มีถึง 10 ล้านคนทั่วประเทศ”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทั้งนี้ เพื่อรองรับฐานลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุด บริษัทจึงจับมือกับธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวบัตรเครดิตและเดบิตโคแบรนด์ แบงค็อก แบงก์ เอ็ม วีซ่า ขยายฐานลูกค้าใหม่และมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าร่วมกันเน้นกลุ่มคนทำงานที่มีกำลังซื้อสูง จากปัจจุบันกลุ่มเดอะมอลล์มีฐานลูกค้าบัตรเครดิตจากพันธมิตรเดิม 7-8 แสนราย และมีสมาชิกเอ็มการ์ด 5.3 ล้านราย ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ มีฐานลูกค้ารายย่อย 10 ล้านราย โดยเป็นลูกค้ารายใหญ่กลุ่มนักธุรกิจ เอสเอ็มอี 1 ล้านราย ซึ่งตั้งเป้าหมายจากความร่วมมือดังกล่าว จะช่วยให้มีลูกค้าสมัครบัตร 1.5-2 ล้านรายใน 5 ปี

‘โตโยต้า’ ผนึกกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยกระดับธุรกิจชุมชนไทย

นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการพัฒนาธุรกิจชุมชนไทยอย่างครบวงจร ควบคู่สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน คำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น

ทั้งนี้ โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยเกิดจากความมุ่งหวังที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทย อันเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร และดำเนินธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน 

โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้และปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า ได้แก่ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และหลักการไคเซ็น เข้าไปถ่ายทอดและประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจชุมชนต่างๆ มีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร พร้อมทั้งได้มีการยกระดับไปสู่การเปิดเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” 6 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ครบทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้มีการขยายผลโดยนำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ ไปถ่ายทอดเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ โดยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมในจังหวัดกรุงเทพฯ นครราชสีมา ชลบุรี และโครงการ ชุมชนดีพร้อม ตลอดจนการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีกด้วย ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา การขยายผลต่อยอดองค์ความรู้ของโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาธุรกิจต่างๆ ไปแล้ว 2,089 ธุรกิจ ช่วยเพิ่มพูนผลกำไรได้เป็นมูลค่ารวม 805 ล้านบาท และส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้คนทั่วไปที่สนใจเรียนรู้ไปแล้วกว่า 100,000 คน

สำหรับการก้าวสู่ปีที่ 11 ของโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ มีความมุ่งหวังที่จะยกระดับการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อช่วยปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจชุมชนไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินงานอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการส่งเสริมแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน จึงนำมาสู่การลงนามความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ อาทิ

1) การถ่ายทอดความรู้เชิงขั้นตอนให้กับผู้ประกอบการชุมชน ผ่านโครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการชุมชน ในการบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ได้มาตรฐาน พร้อมเสริมความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ ร่วมกับการเสริมทักษะในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยการสนับสนุนจากกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต

2) กิจกรรมพัฒนาสถานประกอบการด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติผ่านกลไกความร่วมมือ Global Player ซึ่งจัดขึ้นโดยกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ภายใต้การดำเนินการร่วมกับบริษัทโตโยต้า ออโต้ บอดี้ ประเทศไทย จำกัด ตลอดระยะเวลา 3 ปี กับอีก 23 บริษัท โดยการนำองค์ความรู้ทั้งด้านการจัดการการผลิตและการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรอัตโนมัติ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และลดต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการไทย

3) การร่วมดําเนินโครงการอื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทย ผ่านองค์ความรู้ด้านการผลิตที่เป็นจุดเด่นของโตโยต้า โดยส่งเสริมทั้งในด้านผลิตผล คุณภาพ การส่งมอบสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐ ที่ส่งเสริมนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนสู่ระดับชุมชน

ในขณะที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งพร้อมให้การสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการไทยอย่างรอบด้าน จะเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มการพัฒนาในด้านอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องการ อาทิ ทักษะการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ การตลาด การเงินการบัญชี การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ระบบโลจิสติกส์ ตลอดจนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ โดยองค์ประกอบทางความรู้ต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย ในการพัฒนาศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองได้อย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐสู่อุตสาหกรรม 4.0 และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป

บีพีซีพีกำไรครึ่งปีแรกพุ่ง 1.69 พันล้าน

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานปกติ รวมถึงการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท Star Energy Group Holdings Pte Ltdคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg. (SEGHPL) ในไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นรวม 65 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ ชิบะ 1 กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ โครงการโคมากาเนะ กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ และโครงการยาบูกิ กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ซึ่งทยอยเปิดในเดือน พ.ย. 64, เดือน มี.ค. 65 และเดือน เม.ย. 65 ตามลำดับ รวมทั้งรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทยที่ดีขึ้นจากการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแผงโซลาร์ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) รวมถึงผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำ ซาน 3A” และ “Nam San 3B” ใน สปป. ลาว เพิ่มขึ้นจากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐคำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2565 มีรายได้รวม 1,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 549 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจุบันบีซีพีจี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 1,109 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว 391 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนา 718 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในปี 2568

‘ซูซูกิ’ ยกทัพลุยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ชูรุ่นพิเศษ คุ้มค่า คุ้มราคา

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซูซูกิ ยังคงนำรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นเข้าร่วมจัดแสดงภายในงาน ภายใต้แนวคิด “Energized your drive ” สื่อสารถึงยนตกรรมของซูซูกิที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบในสไตล์ที่โดดเด่นผสานกับเทคโนโลยีรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา

งานมหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นงานที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงท้ายของปี ซึ่งเรามีความมุ่งหวังว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์ซูซูกิให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม-เดือนตุลาคม 2566) ซูซูกิมียอดจำหน่ายรวมจำนวน 10,480 คัน SUZUKI SWIFT สปอร์ตอีโคคาร์รุ่นยอดนิยม จำนวน 4,764 คัน SUZUKI CELERIO จำนวน 2,153 คัน SUZUKI CARRY 2,125 คัน SUZUKI XL7 จำนวน 681 คัน SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID จำนวน 334 คัน และ SUZUKI CIAZ จำนวน 390 คัน โดยเชื่อมั่นว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือจะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตสูงขึ้นอย่างแน่นอน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมจากซูซูกิ ซึ่งจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ซูซูกิทุกรุ่น นำโดย SUZUKI SWIFT GL NEXT รถซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก SUZUKI SWIFT GL ที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของรุ่นตกแต่งพิเศษหลายเวอร์ชัน และได้รับความนิยมจนสร้างยอดขายให้ซูซูกิได้เป็นอย่างดี กับแนวคิด “NEXT to the edge ขับสนุกเต็มขั้น เร้าใจเกินพิกัด” พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้าซูซูกิโดยเฉพาะ

SUZUKI SWIFT GL NEXT พร้อมการตกแต่งด้วยชุดแต่ง GL NEXT ชุดสเกิร์ตรอบคัน บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ลายใหม่ GL NEXT Edition ที่จะถ่ายทอดทุกความเร้าใจให้คุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 582,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร โดดเด่นด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสูงสุด ส่งผลให้ฐานลูกค้าในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงแค่วัยรุ่นและวัยทำงาน แต่ยังเป็นหนึ่งในรถทางเลือกของครอบครัวขนาดเล็กอีกด้วย โดยมีทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT ราคาเริ่มต้นที่ 338,000 บาท รุ่นมาจัดแสดงในงาน SUZUKI CELERIO GL UP ด้วยชุดแต่งพิเศษ GL UP ราคาจำหน่ายที่ 423,- 451,000 บาทคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID -The Power of Smart เต็มที่ทุกฟังก์ชัน เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด รถอเนกประสงค์ MPV ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ SMART HYBRID ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ SHVS จากซูซูกิ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator หรือ ISG พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ION ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร รับประกันอายุแบตเตอรี่นานถึง 5 ปี ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 783,000 บาท

SUZUKI CIAZ ฉีกกฎความคุ้มค่า ด้วยสัมผัสสบายสไตล์อีโคซีดาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกการเดินทางได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา จำหน่ายเริ่มต้นเพียง 528,000 บาท

SUZUKI XL7 รถยนต์ “Multi-Dynamic Crossover” ขนาด 7 ที่นั่ง รถยนต์สำหรับครอบครัว ที่มีมิติรถขนาดใหญ่ที่มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร ความสูง 1,710 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 200 มิลลิเมตร มอบวิสัยทัศน์และสมรรถนะในการขับขี่ ทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า 814,000 บาท

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่พร้อมจะนำไปดัดแปลงและพัฒนาต่อยอดให้เข้ากับทุกแนวทางของการดำเนินชีวิต เป็นได้ทั้ง Goods Truck และ Service Truck ที่สามารถต่อยอดในการในการทำธุรกิจอื่นๆ การช่วยเหลือสังคม ราคาจำหน่ายเพียง 395,000 บาท ไฮไลต์สำคัญ คือ การนำรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ SUZUKI CARRY มาตกแต่งภายใต้แนวคิด Luxury Mobile Restroom ยกระดับการออกแบบห้องน้ำเคลื่อนที่ให้มีความครบครัน

สำหรับรุ่นยอดนิยม SUZUKI SWIFT นำมาตกแต่งในสไตล์ Camping ถูกออกแบบให้ลูกค้านำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สามารถบรรทุกสิ่งของบนแร็คหลังคาที่ โดยรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม บรรทุกสัมภาระได้สะดวกสบาย มาพร้อมการตกแต่งไฟหน้ารถ Smiley เพื่อเพิ่มแสงสว่างและทัศนวิสัยในเวลากลางคืน และอีกหนึ่งรุ่น เอาใจสายแต่งจากกลุ่มลูกค้าที่ชอบแต่งรถด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทันสมัย ด้วยดีไซต์สปอร์ต ดูเท่แบบลงตัว พร้อมเพิ่มสมรรถนะการใช้งานยิ่งขึ้นด้วยยาง Dunlop 195/55/R15 พร้อมชุดแต่ง Mini BBT รอบคัน คิ้วซุ้มล้อและสปอยเลอร์หลังแบบแนบอีกด้วย

ซูซูกิ ยังเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงจองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์นี้รับแคมเปญพิเศษ “SUZUKI TRIPLE BONUS DEAL” ดีลโดนใจ โบนัสใหญ่ 3 ต่อ ส่งท้ายปี มอบให้ลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ซูซูกิ ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซูซูกิช่วยผ่อน เดือนละ 1,500 บาท นาน 2 ปี หรือ เลือกรับส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0% พิเศษ! ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 15,000 บาท สำหรับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อม ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรกสำหรับรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น

ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธรถยนต์ซูซูกิ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศใกล้บ้านคำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

“สุรพงษ์” หนุนผู้ประกอบการไทยสู่โลจิสติกส์ฮับภูมิภาคอาเซียน

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ห้องประชุมฟีนิกซ์ ฮอลล์ 12 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark) และมาตรฐานคุณภาพการขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารด้วยรถบรรทุกแบบควบคุมอุณหภูมิ (Q Cold Chain) ประจำปี 66 โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม และผู้ประกอบการขนส่งสินค้าร่วมงาน

นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ ถือเป็นธุรกิจภาคการบริการที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยต่อยอดและสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของโลก อันเนื่องมาจากการประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าหลายประเภท โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรและอาหาร ในภาพรวมสัดส่วนของการขนส่งสินค้าทั้งประเทศไทยกว่า 79% เป็นการขนส่งทางถนน ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเป็นหน่วยงานสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้นำเข้า/ส่งออก และผู้บริโภคคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg

รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคมมีนโยบายหลักในการดำเนินงาน คือ “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีแนวทางการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบาย 4 ด้าน ได้แก่ คมนาคม เปิดประตูการค้าการท่องเที่ยว สร้างการเป็นฮับ เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน เพื่อคุณภาพชีวิต และลดต้นทุนในการเดินทาง และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะที่กำกับดูแลด้านการขนส่งทางบกและทางราง มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่จะพัฒนารูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนและทางรางให้มีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อกันได้แบบไร้รอยต่อ นำมาซึ่งการลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ของประเทศ และสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด พร้อมรับมือความท้าทายในอนาคตที่ผันผวนสูง และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางถนนและทางรางของภูมิภาคอาเซียน โดยที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกได้ให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐาน Q Mark และมาตรฐานคุณภาพการขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารด้วยรถบรรทุกแบบควบคุมอุณหภูมิ (Q Cold Chain) มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่กระทรวงฯ ต้องขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับมอบโล่เกียรติคุณทั้ง 42 ราย ถือว่าเป็นองค์กรต้นแบบในการยกระดับการให้บริการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนของประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ในการร่วมกันผลักดันการยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการขนส่งสินค้าทางถนน ให้สามารถสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว จากกรมการขนส่งทางบกแล้ว จำนวนกว่า 411 ราย รถขนส่งสินค้ากว่า 59,396 คันทั่วประเทศ โดยในปี 66 นี้ มีผู้ประกอบการขนส่งสินด้วยรถบรรทุกรายใหม่ที่ได้รับโล่เกียรติคุณฯ จำนวน 42 ราย ซึ่งงานในวันนี้ ถือเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมให้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการขนส่งสินค้าอีกด้วย